จากการที่ประเทศไทยได้ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ที่ภายใต้วิสัยทัศน์เชิงนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ที่เพิ่มศักยภาพการทำงานโดยใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยในระบบการศึกษา การเรียนรู้ด้านการแพทย์ รวมถึงการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น การนำนวัตกรรมด้าน Data Science และ IoT (Internet of Things) และ เซนเซอร์มาประยุกต์ใช้งาน งานด้านเกษตรกรรมเพื่อนำข้อมูลที่สำคัญมาวิเคราะห์ทำให้ผลผลิตทางด้านเกษตรกรรมดีขึ้น งานด้านการขนส่ง - การเดินทาง เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยการนำข้อมูลบางส่วนมาประกอบกับเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big data เข้ามาช่วยเพื่อทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าต่างๆ ลดลง รวมถึงการนำข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อประมวลผลกับระบบสมองกล ฝังตัวและระบบ AI (artificial intelligence) มาใช้งานเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทำให้งานหรือระบบต่างๆ สามารถจัดการได้ง่ายขึ้น ถูกต้องมากขึ้น แต่ราคาถูกลง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มองความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อก้าวไปสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0
รูปที่ 1 ระบบการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ IoT
ระบบการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ซึ่งประกอบไปด้วย เซนเซอร์ Node, คลาวด์ และอุปกรณ์แสดงผลและที่สำคัญช่วยประหยัดเวลามากขึ้น การใช้ความฉลาดของเทคโนโลยีทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติภายใต้การออกแบบคำสั่งการของผู้ใช้งาน โดยผู้มีส่วนร่วมหลักในการขับเคลื่อนจะประกอบด้วยภาคเอกชน ภาคการเงิน การธนาคาร มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยต่าง ๆ โดยเน้นตามความถนัดและจุดเด่นของแต่ละองค์กร และมีภาครัฐเป็นตัวสนับสนุน ประกอบกับแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำหนดยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ พัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนวัยทำงานทุกสาขาอาชีพ ทั้งบุคลากรภาครัฐ และ ภาคเอกชน ให้มีความเข้าใจและสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาดในการประกอบ อาชีพ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรในสาขาเทคโนโลยีดิจิทัลโดยตรง ให้มีความรู้ความสามารถ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในระดับมาตรฐานสากล อย่างไรก็ตาม การพัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล สามารถเริ่มต้นได้ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เพื่อเป็นการวางรากฐานและการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชน โดยเฉพาะนิสิตในมหาวิทยาลัยที่จะก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งเป็นบุคลากรของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากประเด็นดังกล่าวมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น จึงเห็นว่าการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เช่น นวัตกรรมด้าน Data Science และ IoT ระบบสมองกลฝังตัว และระบบ AI ซึ่งมีปริมาณข้อมูลที่จะถูกจัดเก็บเป็นจำนวนมากขึ้นเป็นทวีคูณ ดังนั้นจึงต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น การทำความสะอาดข้อมูล (Data munging) การแสดงผลข้อมูลให้น่าสนใจ (data visualization) การทำความเข้าใจในข้อมูล (Exploratory Data Analysis) การใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine learning) ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโมเดลการเรียนรู้ของเครื่องจักร ให้แก่นิสิตซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยจึงมีความคิดที่จะดำเนินการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีส่วนช่วยในการจัดการเรียนรู้ สื่อการสอน และการแบ่งปันข้อมูลเพื่อเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพนิสิตที่จะก้าวสู่วัยทำงานให้เป็นบุคลากรของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมสำหรับการพัฒนาประเทศต่อไป